Last updated: 23 เม.ย 2565 | 581 จำนวนผู้เข้าชม |
และรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ
(R-map)
กรมการขนส่งทางราง
(ขร.) กระทรวงคมนาคม จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น
โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟให้ครอบคลุม
และเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศและรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ
(R-map) พื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยมี นายพิเชฐ
คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง
เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ ร่วมกับนายสมชาย หาญภักดีปฏิมา
รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีภาครัฐ ภาคเอกชน
สมาคมผู้ประกอบการ
และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมการสัมมนา
นายพิเชฐ
ฯ กล่าวว่า ขร.
ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลระบบขนส่งทางรางทั่วประเทศให้เป็นมาตรฐานระดับสากล
และเสนอแนะนโยบาย
ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางของประเทศ
รวมถึงแผนการพัฒนาด้านการขนส่งทางราง
ศึกษาและพัฒนาเพื่อกำหนดโครงข่ายการขนส่งทางราง
จึงมีความจำเป็น
ต้องดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟให้ครอบคลุม
และเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศและรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ
เพื่อทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ
การท่องเที่ยวและการพัฒนาพื้นที่
และศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟให้ครอบคลุม
และเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศ
และรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ
โดยจะเป็นการเชื่อมต่อโครงข่ายเดิมกับแหล่งเกษตรกรรม
แหล่งท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม และประเทศเพื่อนบ้าน
รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ในระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค
ทั้งในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์รูปแบบต่าง
ๆ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ การกระจายโอกาส
การพัฒนาความเจริญสู่ระดับจังหวัด และภูมิภาค
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
ของประชาชน
สำหรับการวางแผนโครงข่ายเส้นทางรถไฟเพื่อเชื่อมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
เวทีการสัมมนาได้เสนอเส้นทางโครงข่ายรถไฟ
สุราษฎร์ธานี-พังงา-กระบี่-ภูเก็ต
โดยจะเป็นการก่อสร้างรถไฟทางคู่ในเขตทางรถไฟเดิมของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่
โครงการดังกล่าวจะเชื่อมท่าเรือดอนสัก
ซึ่งเป็นท่าเรือหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้เดินทางไปเกาะสมุย
กับสนามบินภูเก็ต โดยแนวเส้นทาง ผ่านพื้นที่บ้านท่าฉัตรไชย
จ.ภูเก็ต
ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับการที่ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน
Specialised Expo 2028 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า
และเส้นทางทับปุด-กระบี่
ซึ่งแยกจากเส้นทางสุราษฎร์ธานี-พังงา-ภูเก็ต
ที่สถานีทับปุด ลงมาเชื่อมต่อกับสนามบินกระบี่ ระยะทาง 68
กิโลเมตร ครอบคลุมเขตพื้นที่จังหวัดพังงา 1 อำเภอ คือ
ทับปุด และกระบี่ 2 อำเภอ คือ อ่าวลึกและเมืองกระบี่
แนวเส้นทางจะเป็นการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร
รองรับความเร็วสูงสุดที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งทำให้เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวผ่าน
4 จังหวัด สุราษฎร์ธานี-พังงา-กระบี่-ภูเก็ต
เชื่อมสนามบินภูเก็ต กระบี่ และท่าเรือดอนสัก
โดยที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวทางทะเล
ในพื้นที่ภาคใต้มากกว่า 30 ล้านคนต่อปี
นายสมชาย
หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า
ที่ผ่านมาภาครัฐได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกควบคู่กันไปเพื่อรองรับการท่องเที่ยว
เช่น ท่าอากาศยาน ท่าเทียบเรือ ถนน
เพื่อให้การท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่สามารถรองรับและให้บริการนักท่องเที่ยวได้ทั้งการบริการ
สิ่งอำนวยความสะดวก และโครงสร้างพื้นฐาน
ส่งผลให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบาย
เกิดความประทับใจ
จึงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี
จนเป็นจังหวัดที่สามารถสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศได้สูงเป็นลำดับที่
5 รองจากกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี และเชียงใหม่
ขณะเดียวกัน
ในภาคเกษตรกรรมการปลูกปาล์มน้ำมันที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักก็ขยายพื้นที่ปลูกมากเป็นลำดับต้นของประเทศ
ส่งผลให้เกิดภาคอุตสาหกรรมตามมา คือ อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน
โดยมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบและลานเทเป็นจำนวนมาก
ในอนาคตหากมีเส้นทางรถไฟเข้ามาจังหวัดกระบี่ก็จะเป็นทางเลือกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
และยังเป็นทางเลือกในการลดต้นทุนการขนส่งให้กับผู้ประกอบการได้อีกด้วย