วันนี้ (3 ธันวาคม 2566) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง และผู้บริหารสังกัดกระทรวงคมนาคม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจโครงข่ายระบบรางบริเวณเชื่อมต่อไทย – ลาว ณ จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดหนองคาย
ดร.พิเชฐฯ กล่าวว่า วันนี้นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจราชการตามแนวเส้นทางโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น – หนองคาย ซึ่งในเส้นทางจะมีการก่อสร้างลานวางตู้คอนเทนเนอร์ (Container Yard : CY) ที่สถานีหนองตะไก้ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยในปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟเพื่อจะเชื่อมต่อระบบรางเข้าไปยังพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ซึ่งมีระยะทางประมาณ 2.2 ก.ม และต่อเข้าไปในเส้นทางของรางภายในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีอีกประมาณ 0.6 กิโลเมตร โดยมีความคืบหน้าร้อยละ 22.48 เร็วกว่าแผนร้อยละ 6.43 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2567 เพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจด้านการนำเข้า-ส่งออก ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในอนาคต นิคมฯ อุดรธานี ตั้งอยู่ในเส้นทางรถไฟทางคู่และเส้นทางรถไฟความเร็วสูง จะทำให้กลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าในพื้นที่เขตภาคอีสานตอนบน ช่วยลดต้นทุน และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) สะดวกต่อการขนส่งสินค้าในภาคอีสานตอนบนในการที่จะส่งสินค้าออกต่างประเทศหรือนำของเข้ามาในประเทศได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น จากนั้นคณะขึ้นขบวนรถไฟรับฟังบรรรยายสรุปการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับทางหลวงหมายเลข 216 ใกล้บริเวณแยกบ้านจั่น อำเภอเมืองอุดรธานี โดย รฟท. อยู่ระหว่างเตรียมปรับปรุงแบบก่อสร้างให้เป็นทางรถไฟยกระดับ (ระดับ 2) แทนสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟของกรมทางหลวงในโครงการก่อสร้างรถไฟช่วงขอนแก่น-หนองคาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ประชาชน รวมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถไฟอีกด้วย
ดร.พิเชฐฯ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น นายสุรพงษ์ฯ และคณะได้เดินทางไปยังสถานีนาทา จังหวัดหนองคาย รับฟังการบรรยายสรุปการพัฒนาพื้นที่ที่สถานีนาทา ที่ปัจจุบันรฟท.อยู่ระหว่างพัฒนาสถานีนาทาให้เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้า (เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในอนาคต) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบรายละเอียดงานโยธา ในโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ช่วงกรุงเทพ – หนองคาย (ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย) โดยปัจจุบัน รฟท.ดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้า เพื่อรองรับการขนส่งทางราง จังหวัดหนองคาย ตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมนำเสนอคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) ก่อนนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมคณะเดินทางไปยังแขวงทางหลวงหนองคายรับฟังการบรรยายสรุปจากผู้อำนวยการแขวงทางหลวงหนองคายถึงความคืบหน้าที่กรมทางหลวงดำเนินการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ (หนองคาย-เวียงจันทน์ แห่งที่ 2) เสร็จแล้ว โดยจะดำเนินการก่อสร้างสะพานใหม่ จำนวน 2 สะพาน (ขนานกับสะพานเดิม) โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
- ระยะที่ 1 ก่อสร้างสะพานรถไฟ (สะพานคานยื่นสมดุล) สำหรับรองรับรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง จำนวน 4 ทาง (ทางรถไฟกว้าง 1.000 ม. จำนวน 2 ทาง และทางรถไฟกว้าง 1.435 ม. จำนวน 2 ทาง) ทางด้านท้ายน้ำของสะพานปัจจุบัน พร้อมทั้งปรับปรุงสะพานเดิม ให้เป็นสะพานสำหรับรถยนต์เพียงอย่างเดียว โดยมีแผนจะก่อสร้างในปี 2569-2571 และจะเปิดให้บริการปี 2572
- ระยะที่ 2 ก่อสร้างสะพานรถยนต์แห่งใหม่ ทางด้านเหนือต้นน้ำของสะพานเดิม จำนวน 2 ช่องจราจร รวมกับสะพานเดิม 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร (2 ช่องจราจรต่อทิศทาง) โดยมีแผนดำเนินการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2584-2586 และเปิดให้บริการในปี 2587 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันดำเนินการศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาต่อไป และต่อมาคณะได้เดินทางไปยังด่านศุลกากรหนองคาย รับฟังผลการดำเนินงานการให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางรางและทางถนนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จากขนส่งจังหวัดหนองคายและผู้บริหาร รฟท. เพื่อพัฒนาการให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก และความปลอดภัย รวมทั้งลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าชายแดนระหว่างประเทศไทย-สปป.ลาว และสินค้าข้ามแดน
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมุ่งเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการขนส่งทางรางให้เป็นระบบหลักในการเดินทางและการขนส่งของประเทศ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพ ในการขนส่งสินค้าทางราง เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการให้บริการประชาชน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศ โดยเมื่อโครงการก่อสร้างต่าง ๆ แล้วเสร็จ จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อด้านคมนาคมขนส่งสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายการคมนาคมขนส่งของภาคอีสาน สามารถรองรับปริมาณการเดินทางและคมนาคมขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
กรมการขนส่งทางราง #กรมราง #กระทรวงคมนาคม #คมนาคม #รถไฟ
หน่วยงานที่ประกาศ
กลุ่มประชาสัมพันธ์