คมนาคมเอาจริง! ดันระบบขนส่งทางราง เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเพื่อโอกาสประเทศไทยอย่างยั่งยืน

วันนี้ (8 ม.ค.68) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งทางรางในงานประชุมเชิงปฏิบัติการ “ขับเคลื่อนนโยบายคมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ณ ห้องประชุมราชรถสโมสร อาคารราชรถสโมสร กระทรวงคมนาคม โดยได้มีการเสนอแผนงานโครงการของกลุ่มการขนส่งทางรางที่จะดำเนินการในปี 2568-2569 เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ซึ่งมีนโยบายเร่งด่วนในการพัฒนาระบบการขนส่งทางราง ดังนี้

1. นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย กับรถไฟฟ้าทุกสี ทุกสาย ในรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง โดยภายในเดือนกันยายน 2568 จะขยายผลไปยังรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ โดยผลักดันให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟฟ้าทุกสี ทุกสาย ในราคา 20 บาทตลอดสาย

2. ผลักดันการประกาศใช้กฎหมาย เพื่อกำกับดูแลการขนส่งทางราง ประกอบด้วย พ.ร.บ. การขนส่งทางราง พ.ศ. …. ซึ่งปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรกำหนดประชุมพิจารณา และ พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

3. พัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้ทั่วถึง ครอบคลุม เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการเดินทางปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้า เปิดให้บริการแล้ว 13 เส้นทาง แบ่งเป็นอยู่ระหว่างก่อสร้าง 5 โครงการ และอยู่ระหว่างเสนอ ครม. 2 โครงการ รวมถึงยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมพัฒนาในระยะต่อไปอีก 17 โครงการ

4. พัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง รถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 5 โครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร และ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะเปิดทดลองเดินรถไฟทางคู่ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 รวมถึงยังมีการก่อสร้างโครงการรถไฟทางสายใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ทั้งนี้มีแผนดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการ

5. พัฒนาทางรถไฟเชื่อมต่อนิคมอุตสาหกรรม/แหล่งอุตสาหกรรม โดยพัฒนาทางรถไฟ ใน 4 แห่งตามแผน R-MAP ระยะเร่งด่วน

6. พัฒนารถไฟทางสายใหม่ ตามแนวเส้นทาง MR-MAP จำนวน 3 โครงการ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนจากการเวนคืนที่ดิน และลดรายจ่ายงบประมาณซ้ำซ้อน

7. พัฒนารถไฟเชื่อมแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก และ 2 สนามบินฝั่งอันดามัน โดยมีแนวเส้นทางผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ และภูเก็ต

8. การจัดหารถจักรและล้อเลื่อน รองรับการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่

9. เร่งพัฒนารถไฟชั้น 3 ติดเครื่องปรับอากาศ และเพิ่มความเร็วขบวนรถ เพื่อปรับปรุงการให้บริการ และเพิ่มการเข้าถึงผู้ใช้บริการรายใหม่

10. ขับเคลื่อนการพัฒนาเส้นทาง Feeder เพื่อเชื่อมต่อระบบราง โดยจัดทำต้นแบบการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อส่งเสริมการเดินทาง (Intermodal Transfer Facility) ของสถานีรถไฟฟ้า จำนวน 8 สถานี

11. พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านคมนาคมสำหรับทุกคนโดยตรวจประเมินคุณภาพสถานีรถไฟฟ้าและสถานีรถไฟให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

12. พัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระดับภูมิภาคของประเทศไทย

13. ยกระดับคุณภาพการให้บริการ การดูแลอุปกรณ์อำนวยความสะดวก โดยเพิ่มจำนวน Priority Seat จาก 18 เป็น 36 ที่นั่งต่อขบวนรถ พร้อมทั้งอัปเดตข้อมูลป้ายบอกทางให้เป็นปัจจุบัน

14. พัฒนาระบบราง เชื่อมไทย เชื่อมโลก โดยมีการเชื่อมโยงทางรถไฟ ไทย – ลาว – จีน ในช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย ซึ่งระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2571พร้อมทั้งก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างไทย-ลาว

นายพิเชฐ กล่าวทิ้งท้ายว่าหน่วยงานการขนส่งทางราง มุ่งมั่น เดินหน้า ขับเคลื่อน แผนงาน โครงการด้านระบบราง

เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการตามมาตรฐานสากล เชื่อมโยงโครงข่ายกับนานาประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมในภูมิภาค เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน นำไปสู่การคมนาคมที่สะดวก ปลอดภัย ตรงเวลา และราคาสมเหตุสมผล ตามเป้าหมายของกระทรวงคมนาคมต่อไป

หน่วยงานที่ประกาศ

กลุ่มประชาสัมพันธ์

เรื่องอื่นๆในหมวดหมู่ข่าวประชาสัมพันธ์

Skip to content