การประชุมติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์

วันนี้ (13 พ.ย.) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ผู้แทนจากหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ร่วมประชุม ณ โรงแรมเครสโค จังหวัดบุรีรัมย์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต การประกอบอาชีพ การดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การเข้าไม่ถึงบริการความช่วยเหลือจากภาครัฐ การประสบภัยธรรมชาติ การไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้มีคำสั่งลงวันที่ 13 สิงหาคม 2563 แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน เพื่อกำกับ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ เริ่มจากปัญหาเร่งด่วนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และรวดเร็วทันเหตุการณ์ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในพื้นที่แต่ละจังหวัดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และได้มีคำสั่งลงวันที่ 14 สิงหาคม 2563 มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ และเสนอแนะแก่คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบ เพื่อให้การพัฒนาและแก้ไขปัญหาในระดับจังหวัดสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยเร็ว ลดปัญหา และอุปสรรค รวมทั้งใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ ได้รายงานปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนและแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ซึ่งสรุปปัญหาได้ 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1) ปัญหาความเดือดร้อนและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลให้เกิดการว่างงาน ขาดรายได้ ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งเมื่อจังหวัดได้รับงบประมาณแล้วต้องแปลงแผนงานลงไปสู่การปฏิบัติโดยเร็ว 2) ปัญหาด้านการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย การขาดแคลนแหล่งน้ำอุปโภค บริโภคที่เพียงพอและมีคุณภาพ จะประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนแผนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว 3) ปัญหาการขาดที่ดินทำกิน 4) ปัญหาทางสังคมและความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน และ 5) ปัญหาการขาดแคลนหรือความต้องการในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการคมนาคมขนส่งที่ทันสมัย สะดวกสบาย มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ให้สามารถรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้พื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดในอนาคต ซึ่งจากสภาพปัญหาดังกล่าวที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในวันนี้ จะเป็นแนวทางการดำเนินงานภายใต้การขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้สำเร็จอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของรัฐบาล

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบแนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ดังนี้

  1. ให้ความสำคัญกับการสำรวจและทำความเข้าใจกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งปรับปรุงในเรื่องการสร้างความรับรู้และเข้าใจกับประชาชน ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน เพียงพอ ที่จะสามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณากำหนดแนวทาง การตัดสินใจ และการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
  2. การแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวทางการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในครั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของประชาชนในแต่ละพื้นที่ โดยช่วยกันกำหนดวิธีการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทาง “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” สร้างการมีส่วนร่วมจากพี่น้องประชาชนในทุกระดับ ทุกภาคส่วน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
  3. ขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ ของตนเอง ให้มีความถูกต้องตามหลักของกฎหมาย ยึดแนวทางการบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล เพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นที่ยอมรับโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน และยึดหลัก “โปร่งใส เข้าถึง ตรวจสอบได้”
  4. ขอให้คณะกรรมการฯ ทั้ง 2 จังหวัดประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และให้ติดตามผลการดำเนินงาน และประเมินผลลัพธ์ของการดำเนินงานโดยการวัดจากประสิทธิผลหรือประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ โดยให้จังหวัดรายงานผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของคณะกรรมการฯ อย่างสม่ำเสมอ หากยังไม่เกิดผลก็ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานใหม่
  5. การขับเคลื่อนพัฒนางานด้านการคมนาคมขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ตามหลักยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นความสะดวก ปลอดภัยและตรงเวลา ประกอบด้วยโครงการสำคัญต่างๆ ดังนี้
  • การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงจังหวัดบุรีรัมย์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ระยะทาง 103 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างรวม 3,241 ล้านบาท และได้รับงบประมาณปี 64 ระยะทาง 66 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,900 ล้านบาท การพัฒนาทางหลวงชนบท จำนวน 170 โครงการ วงเงิน 2,145 ล้านบาท
  • การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงจังหวัดสุรินทร์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ระยะทาง 62 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างรวม 2,766 ล้านบาท ได้รับงบประมาณปี 64 และแผนในอนาคต ระยะทาง 79.5 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 2,425 ล้านบาท การพัฒนาทางหลวงชนบท จำนวน 81 โครงการ วงเงิน 748 ล้านบาท
  • แผนพัฒนารถไฟรางคู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ช่วงชุมทางจิระ – ขอนแก่น ก่อสร้างแล้วเสร็จ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็นต้น
  • การพัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2.88 ล้านคนต่อปี โดยใช้งบประมาณ 1,725 ล้านบาท

ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนไทยการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ไปด้วยกันให้เกิดความสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย นำความสุขมาสู่ประชาชนของทั้ง 2 จังหวัดอย่างยั่งยืนต่อไป

หน่วยงานที่ประกาศ

กรมการขนส่งทางราง

เรื่องอื่นๆในหมวดหมู่ข่าวประชาสัมพันธ์