วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 กรมการขนส่งทางราง (ขร.) จัดประชุมร่วมกับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute: MI) ณ ห้องประชุมมนังคศิลา ชั้น 2 กรมการขนส่งทางราง พร้อมถ่ายทอดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง และ Mr. Madhurjya Kumar Dutta ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการค้าและการลงทุนของ MI เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับสถานะและแนวโน้มการพัฒนาโครงข่ายรถไฟของไทย และการเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะเส้นทางไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์
การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (สทร.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์
นอกจากนี้ MI ยังได้นำคณะผู้แทนเข้าร่วมกิจกรรมศึกษาดูงานเชิงปฏิบัติการ (Structured Learning Visit: SLV) ระหว่างวันที่ 16–25 กรกฎาคม 2568 ซึ่งมุ่งเน้นการเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานระบบรางในประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมถึงการบูรณาการระบบรางเข้ากับการขนส่งรูปแบบอื่น การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ เขตเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของภูมิภาค
กำหนดการดูงานในประเทศไทยประกอบด้วยสถานที่สำคัญ เช่น สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไอซีดีลาดกระบัง สถานีรถไฟหาดใหญ่ และสำนักงานศุลกากรปาดังเบซาร์ฝั่งไทย ก่อนเดินทางต่อไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ เพื่อศึกษาระบบการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟและท่าเรือในระดับภูมิภาค
ในโอกาสนี้ กรมการขนส่งทางรางได้นำเสนอภาพรวมของโครงข่ายรถไฟในปัจจุบันและแผนพัฒนาในอนาคต ทั้งโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 เส้นทางใหม่ในอนาคต ตลอดจนความคืบหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ–หนองคาย และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทยกับ สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย พร้อมสถิติการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและการเดินทางของผู้โดยสารข้ามพรมแดน
นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวในตอนท้ายว่า “การประชุมในวันนี้เป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาโครงข่ายรถไฟของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน กรมการขนส่งทางรางมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันระบบรางให้เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพทั้งด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในภูมิภาค และยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ”
หน่วยงานที่ประกาศ
กลุ่มประชาสัมพันธ์